ท่อ PPR ในปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อในท้องตลาด ราคาท่อ PPR จึงขึ้นอยู่กับขนาด และคุณภาพของท่อ เราควรจะเลือกซื้อท่อ PPR ให้ได้คุณภาพทั้งการใช้งาน การติดตั้งและบริการหลังการขาย หากต้องการทราบราคาสำหรับระบบประปาน้ำร้อน (สีเขียว) ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับท่อPPR กันก่อนค่ะ
ท่อPPR คือ อะไร?
ท่อ PPR เป็น ท่อที่ผลิตจาก Polypropylene (PP) ซึ่งเป็นพลาสติกโพลีโพรไพลีน ที่มีการจัดเรียงตัวอย่างไม่เจาะจง ท่อพีพีอาร์จึงมีคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพที่ดีเหมาะกับการใช้งาน ระบบท่อประปา ท่อน้ำร้อน ท่อน้ำเย็น และงานท่อประเภทอื่นทั้งงานบ้านและงานอุตสาหกรรมท่อ PPR เหมาะอย่างยิ่งในการใช้งานสำหรับระบบน้ำดื่ม จึงมั่นใจได้ว่า ท่อ PPR คือ ท่อที่มีคุณภาพ น้ำที่ถูกลำเลียงผ่านระบบท่อ PPR สะอาดถูกสุขอนามัยต่อผู้บริโภค
ท่อ PPR PN10 คาดน้ำเงิน เหมาะสำหรับท่อน้ำเย็น น้ำอุ่น
- ทนความร้อน 3-60 องศา
- รับแรงดันได้ 10 บาร์
ท่อพีพีอาร์ PN20 คาดแดง เหมาะสำหรับท่อน้ำร้อน - ทนความร้อน 3-95 องศา
- รับแรงดันได้ 20 บาร์
ข้อดีของท่อ PPR
- การซ่อมแซม – ส่วนมากแล้วผู้ผลิตท่อPVC จะไม่แนะนำให้ ‘อุดรู’ ท่อ เวลาท่อรั่วเพราะตัวเนื้อวัสดุPVC นั้นไม่เอื้ออำนวยสำหรับการใช้งานซ่อมแซมแบบนี้เท่าไร แต่สำหรับท่อPPR นั้น ผู้ผลิตระบุไว้เลยว่าสามารถซ่อมแซมอุดรูรั่วได้ด้วยการใช้ ‘แท่งซ่อมอุดรูรั่ว’ หากเราทำตามที่ผู้ผลิตแนะนำ ถ้าท่อPVC รั่วเราก็ต้องรื้อผนัง ขุดดินลงท่อใหม่เลย (ค่ารื้อแพงกว่าค่าท่ออีก) แต่สำหรับท่อPPR เราก็สามารถลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้
- ราคาที่ดีกว่าท่อเหล็ก – ท่อเหล็กสำหรับงานประปาเรียกว่าท่อ Galvanized เป็นท่อเหล็กพิเศษที่เนื้อด้านในถูกผลิตมาให้ไม่เกิดสนิม ไม่ทำปฏิกิริยาเคมีกับน้ำประปา แต่ท่อเหล็กก็มีราคาแพง หาซื้อยาก ขนส่งยาก ถ้าเทียบกับท่อ PPR แล้วราคาท่อPPR ดีกว่าท่อเหล็กเยอะ ท่อเหล็ก 6 เมตร ขนาด ½” ราคา 570 บาท ส่วนท่อPPR 4เมตร ½” PN20 ราคาตั้งแค่ 220 บาทเอง หากเทียบราคาต่อเมตรแล้ว PPR ราคาดีกว่ากันถึงครึ่งนึง (55 บาท เทียบกับ 95 บาท)
- การใช้งานกับท่อชนิดอื่น – ท่อPPR สามารถต่อเข้ากับท่อPVCได้ ซึ่งก็หมายความว่าสุขภัณฑ์ต่างๆที่ใช้ในบ้านนั้นสามารถใช้กับท่อ PPR ได้เช่นกัน ปัญหาของวัสดุก่อสร้างวัสดุประปาบางชนิดก็คือผู้ผลิตชอบ ‘มัดมือชก’ บังคับให้ใช้กับสินค้าที่ตัวเองผลิตเท่านั้น (คิดภาพว่าคนใช้ Apple Watch ก็ต้องใช้ iPhone…แต่เป็นกับก๊อกน้ำเป็นต้น) แต่ท่อPPR ถูกผลิตมาในมาตรฐานที่สามารถใช้งานได้กับท่อและสุขภัณฑ์ต่างๆตราบใดที่ผู้ติดตั้งรู้วิธีติดอย่างถูกต้อง
- ข้อต่อและอุปกรณ์ PPR แบบใหม่ – ท่อPPR แตกต่างจากท่อประปาแบบอื่นตรงที่ ‘อุปกรณ์ท่อPPRง มีรูปลักษณ์โดดเด่นเพราะไม่ได้ถูกจำกัดด้วยความแข็งทื่อของวัสดุ ท่อPVC ทั่วไปก็จะมีอุปกรณ์ข้อต่อแค่ต่อตรง สองทาง ต่อโค้ง สามทาง สี่ทาง แต่สำหรับท่อ PPR นั้น เราจะมีอุปกรณ์เช่น ‘ท่อครอส’ (Cross Pipe) ที่ทำให้เราสามารถวางท่อทับกันได้ทำให้คนออกแบบระบบมีข้อจำกัดน้อยลงและบางครั้งก็สามารถลดค่าใช้จ่ายระบบท่อเราได้ด้วยตรงที่เราไม่ต้องลากท่ออ้อมไปอ้อมมา
คุณสมบัติของท่อ PPR
ท่อ PPR มีเนื้อพลาสติกที่เชื่อมด้วยความร้อนเพื่อกันน้ำรั่วซึม ความทนทานต่อการใช้ในระบบน้ำร้อน ทนแรงดันน้ำได้สูง มีอายุการใช้งานนานถึง 50 ปี และสามารถใช้รวมกับท่อประปาชนิดอื่นได้
- การผสานท่อกับข้อต่อเนื้อเดียว
ปกติแล้วท่อประปาอย่างท่อพีวีซีต้องใช้กาวต่อกับอุปกรณ์ข้อต่อต่างๆ เวลามีแรงดันน้ำเยอะๆหรือถ้าติดกาวไม่แน่นพอก็จะเกิดการหลุดการรั่วได้ จุดเด่นหลักของท่อ PPR ก็คือการที่ท่อ PPR เชื่อมกับอุปกรณ์ต่างๆด้วยการหลอมผสานผ่านเครื่องเชื่อมท่อแบบพิเศษ การหลอมแบบนี้ทำให้ท่อและอุปกรณ์ผสานเป็นเนื้อเดียวกันทำให้ปัญหาท่อหลุด น้ำซึม น้ำรั่ว มีน้อยลง
- ระบบน้ำร้อน 95 องศา
ท่อประปาอย่างท่อพีวีซีไม่สามารถทนความร้อนได้ดี และท่ออย่างท่อเหล็กก็เป็นวัสดุก่อสร้างสมัยเก่าที่หนักและเกิดสนิมได้ง่าย ท่อPPR เป็นตัวเลือกแบบใหม่สำหรับคนที่อยากติดตั้งระบบน้ำอุ่นน้ำร้อนในอาคาร ท่อPPR PN10 มีไว้สำหรับน้ำอุ่น และ PN20 คือสำหรับน้ำร้อน เราควรเลือกท่อให้เหมาะกับการใช้งาน หากเลือกสเปคท่อสูงเกินไป ค่าใช้จ่ายของโครงการก็จะแพงเกินใชเหตุ
- ความทนทานที่เหนือกว่า PVC
ข้อเสียของท่อประปาอย่างท่อPVC ก็คือความเปราะ หมายความว่าถ้าเรากระแทกจากภายนอก หรือมีน้ำที่ไหลแรงกว่าที่ท่อรับได้ ท่อก็จะแตก ท่อPPR ถูกผลิตด้วยวัสดุที่มีความเหนียวและยืดหยุ่นมากกว่า ทำให้สามารถรับแรงดันภายในและภายนอกได้ดี ยกตัวอย่างเช่น ท่อประปาที่ฝังถนนฝังดิน ถ้าถนนหรือดินมีรถวิ่งบ่อยๆหรือต้องรับน้ำหนักจากด้านบนเยอะๆ ท่อที่ไม่ทนทานก็สามารถเปราะแตกได้…และที่สำคัญก็คือจุดพวกนี้ซ่อมแซมยากมากเพราะเราต้องขุดดินขึ้นมาซ่อม
- ทนแรงดัน 10 และ 20 บาร์
ท่อPVC สามารถทนแรงดันน้ำได้มากสุดแค่ 13.5 บาร์เท่านั้น หมายความว่าคนออกแบบระบบท่อบางครั้งก็ต้องจัดท่อให้อยู่ 45 หรือ 90 องศาเพื่อลดแรงดันน้ำให้น้อยลง การเล่นกับความดันทำให้ผู้ออกแบบต้องต่อท่อยาวขึ้น ท่อต่อคดเคี้ยว เพื่อลดแรงดันน้ำกันท่อแตก แต่สำหรับท่อPPR ปัญหานี้ก็จะลดน้อยลงไปเยอะเพราะท่อPPR สามารถทนแรงดันได้มากกว่า
ประเภทของท่อ PPR
ท่อพีพีอาร์ PN20 คาดแดง เหมาะสำหรับท่อน้ำร้อน
- ทนความร้อน 3-60 องศา
- รับแรงดันได้ 10 บาร์
ท่อพีพีอาร์ PN10 คาดน้ำเงิน เหมาะสำหรับท่อน้ำเย็น น้ำอุ่น
- ทนความร้อน 3-95 องศา
- รับแรงดันได้ 20 บาร์
- ท่อPPR ส่วนใหญ่ ใช้เพื่อเดินน้ำร้อน น้ำอุ่นในอาคาร ตลอดจนต้องการ ท่อที่มีคุณภาพดี ทนแรงดันได้สูงๆ จะมีขายอยู่สองรูปแบบ ก็คือท่อ PPR แบบ PN10 และ PN20 ซึ่งตัวPN ก็คือตัวบอกว่า ท่อสามารถรับแรงดันน้ำ ได้เท่าไรนั่นเอง
- ท่อ PPR รุ่น Fiber หรือ Fiber Composite Pipe เหมาะสำหรับใช้ในการเดินท่อที่มีระยะการเดินท่อยาวๆ เพราะเป็นท่อที่เสริมความแข็งแรงด้วยชั้นไฟเบอร์
- นวัตกรรมชั้นสูง ของท่อ PPR ที่สามารถผลิตขึ้นมา ได้เฉพาะในโรงงานที่มีเทคโนโลยีการผลิตท่อเท่านั้น โดย มีจุดประสงค์เพื่อเสริมความแข็งแรง ให้กับท่อ PP-R ช่วยลด การยืด หรือ ขยายตัว ของท่อ ได้ถึง 1 ใน 3 เท่า สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ บนตัวท่อ ซึ่งท่อ PPR รุ่น Fiber หรือ Fiber Composite Pipe มีอยู่หลายยี่ห้อในท้องตลาดท่อ ppr โดยมากมักใช้สัญลักษณ์คาดแดงบนท่อ บ่งบอกความเป็นท่อน้ำร้อนที่ผสมชั้น Fiber ตรงกลางท่อไว้ด้วย หากแต่มีหลายยี่ห้อที่มีชั้น Fiber ที่น้อย หรือไม่มี Fiber เลยก็มี จึงควรพิจารณาแล้วดูให้ละเอียด ก่อนทำการซื้อ หรือใช้งานทุกครั้ง อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ท่อppr
ราคาท่อ PPR
ปัจจุบันท่อ PPR มีหลากหลายยี่ห้อในท้องตลาด แล้วเราควรจะเลือกซื้อท่อppr อย่างไรให้ได้คุณภาพทั้งการใช้งาน การติดตั้งและบริการหลังการขาย
ทั่วไปมักจะคิดว่าท่อ-ข้อต่อ PPR ยี่ห้อไหนๆ ก็เหมือนกันไม่แตกต่าง จึงมักที่จะดูที่ราคาเป็นหลัก โดยเลือกของถูกไว้ก่อนแต่หารู้ไม่ว่า นั้นอาจหมายถึงความสูญเสียและความสิ้นเปลืองที่กำลังจะตามมา เช่น อายุการใช้ไม่คงทน ติดตั้งยากไม่เป็นเนื้อเดียวกันเกิดการรั่วซึม ท่อไม่สามารถรับแรงดันได้ดีหรือไม่สามารถรองรับอุณหภูมิตามที่กำหนดได้ เป็นต้น
ปัจจัยที่ผู้ซื้อหรือผู้ใช้ควรรู้ ก่อนซื้อท่อ PPR
- ตรวจสอบวัสดุเม็ด PPR ที่ใช้เป็นวัสดุตั้งต้นในการผลิตมาจากที่ไหน? มีคุณภาพสูงจากยุโรปหรือไม่?
ซึ่งทั้งท่อและข้อต่อ PPR ควรผลิตจากวัสดุเดียวกันที่มีคุณภาพสูงจากยุโรป อีกทั้งควรผลิตจากโรงงานเดียวกันเพื่อให้การติดตั้งที่ง่ายได้คุณภาพส่งผลให้ท่อและข้อต่อPPR ผสานเป็นเนื้อเดียวกันได้ดีไม่มีวันรั่ว
- ตรวจสอบมาตรฐานว่าผ่านการรับรองคุณภาพ และผ่านมาตรฐานการทดสอบที่ถูกต้องจริงหรือไม่?
อาทิ DIN 8077/8078 by DVGW (ประเทศเยอรมนี)หรือ DIN 16962-5 by AENOR (ประเทศสเปน) เพื่อความแข็งแรงและมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
- ตรวจสอบมาตรฐานการทดสอบความสะอาดปลอดภัย ปราศจากสารตกค้างใช้เป็นท่อน้ำดื่มได้ ผ่านการทดสอบจากสถาบัน NSF61 และNSF372 (ประเทศสหรัฐอเมริกา) ทั้งท่อและข้อต่อ หรือจากสถาบัน WRAS (ประเทศอังกฤษ) หากได้ทั้ง 2 มาตรฐานก็จะเพิ่มความมั่นใจได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถตรวจสอบใบรับรอง (Certificate) จากบริษัทผู้จัดจำหน่ายได้ทุกครั้งที่เลือกซื้อ
สรุป
ท่อ PPR เป็นท่อที่มีคุณสมบัติเฉพาะทางอยู่หลายอย่างทำให้เหมาะกับการเดินระบบท่อประปาในอาคาร อย่างไรก็ตาม ‘ความเฉพาะทาง’ นี้ก็ทำให้ท่อPPR มีราคาที่ถือว่าแพงมากถ้าเทียบกับท่อประปาทั่วไป ถ้าให้ใช้งานแทนท่อประปาธรรมดาไปเลยก็คงไม่คุ้มเท่าไร เพราะฉะนั้นคนส่วนมากก็เลยเลือกใช้งานท่อPPR เฉพาะเวลาที่ ‘จำเป็นต้องใช้’ เท่านั้น เรามาดูกันว่า ‘คุณสมบัติของท่อPPR’ ที่ทำให้ท่อPPR โดดเด่นเทียบกับท่อแบบอื่นคืออะไรบ้าง
สั่งซื้อได้ที่ไหนบ้าง
ขั้นตอน การสั่งซื้อท่อพีวีซี และข้อต่อท่อพีวีซี
- โทร.063-686-2900 / 083-992-5999 หรือ @ Line : @hdpipethai พร้อมแจ้งความต้องการใช้ข้อต่อตรง ท่อ ขนาด และจำนวนการใช้ พร้อมสถานที่จัดส่ง
- พนักงานขายเสนอราคา ให้คำปรึกษาการใช้งาน พร้อมลูกค้าสา 0มารถชำระเงิน เข้าบัญชีบริษัทฯ
- ลูกค้ารอรับสินค้า เพื่อใช้งานตามเวลาที่กำหนด
สามารถ คลิกลงตะกร้า จากเว็บไซต์ มีจัดจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์การเกษตร ไม่ว่าจะเป็นท่อ อุปกรณ์ข้อต่อต่างๆ ที่ HD PipeThai เรามีจำหน่าย ครบ จบที่เดียว